ดำ(น้ำ) แล้วหน้าจะดำมั้ย?
เมืองไทยเราตั้งอยู่เขตศูนย์สูตรครับ เป็นเมืองแห่งแสงแดด แต่นิยามความงามของคนไทยส่วนใหญ่กลับชอบให้ผิวขาวถึงจะมองว่าสวย สาวไทยเราเลยนอยด์เป็นธรรมดาเมื่อต้องออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งท้าแดดจ้า ยิ่งกีฬาทางน้ำที่ต้องออกทะเล เรื่องแดดลมนี่คือหายห่วง คือไม่ต้องห่วงว่าโดนแน่ๆ
คำถามยอดฮิตคำถามหนึ่งจากนักเรียนดำน้ำสาวๆ คือ “ ดำน้ำแล้วหนูจะดำไหมคะ?”
Feline Blush's new custom-made collection titled "Wonderland Couture"
คำตอบคือ เวลาดำน้ำหนูไม่ดำหรอกค่ะ แดดทำร้ายหนูไม่ได้เมื่ออยู่ใต้น้ำ รังสียูวีมันสะท้อนเมื่อเจอน้ำทะเล แถมใส่ชุดเวทสูททั้งตัวขนาดนั้น แต่ขึ้นจากน้ำเมื่อไร เดินไปเดินมาบนเรือกลางแดดเปรี้ยงๆ อันนี้โดนแดดเต็มๆ มันก็ต้องดำกันบ้าง
จริงๆ ก็เห็นใจคุณผู้หญิงทั้งหลายเหมือนกัน ค่าคอร์สดูแลผิวหนู ครูรู้ไหมว่าหมดไปเท่าไร ค่าครีม ค่าสปา โดนแดดไม่กี่วัน หายวับไปหมด อยากบอกว่าชีวิตมันก็ได้อย่างเสียอย่างแบบนี้ล่ะครับ จะอบผิวไม่ให้โดนลมโดดแดดจนขาวเป็นหลอดไฟฟลูออเรสเซนส์กันเลย ไลฟ์สไตล์คุณคงไม่เหมาะกับการเป็นนักดำน้ำเท่าไร เพราะเป็นนักดำน้ำ มันก็ต้องออกทะเล ไปทะเลมันก็ต้องโดนแดด ความกังวลเรื่องผิวขาวผิวคล้ำเนี่ย ถือเป็นเรื่องสิวๆไปเลย เมื่อเทียบกับเรื่องแดดกับมะเร็งผิวหนัง
เรารู้กันอยู่แล้วล่ะ ว่าการได้รับรังสียูวีที่เข้มข้นเกินไปเป็นเวลานานอาจมีผลต่อความเสี่ยงให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ แต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งคือ คนไทยเรามีผิวเข้มนี่คือข้อดีนะครับ หมายถึงว่าเรามีเมลานินที่ช่วยป้องกันรังสียูวีได้มากกว่าผิวเผือกๆแบบฝรั่งเขา( สีผิวของคนเราขึ้นอยู่กับจำนวนเมลานินใต้ผิวหนัง ) การทาครีมกันแดดก็สามารถช่วยป้องกันได้ในอีกระดับหนึ่งเช่นกัน ดังนั้น การทาครีมกันแดดป้องกันไว้ก็เป็นสิ่งดีเช่นกันสำหรับนักดำน้ำที่ต้องมาเจอแดดเจอลมบ่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้อง SPF สูงเว่อร์อะไร แค่ 15-30 ก็เอาอยู่แล้ว การทาครีมกันแดดที่จะให้ได้ประสิทธิภาพจริงๆ คือการทาซ้ำครับ มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า SPF ของครีมกันแดดน่ะ มันมาจากคำว่า Sun Protection Factor ซึ่งหมายถึงประสิทธิภาพในการกันแดดของผลิตภัณฑ์นั้น ปกติผิวคนเราจะไหม้แดดในเวลา 15-20 นาที ถ้าใช้ครีมกันแดด SPF15 หมายความว่า กันแดดได้ 15 เท่าของปกติ ลองเทียบง่ายๆ เท่ากับ 15x15 = 225 นาที คือกันแดดได้ 3 ชม.45 นาที ถ้า SPF 30 เท่ากับ 15x30 = 450 นาที หรือ 7 ชั่วโมง 30 นาที โดยนักดำน้ำอาจต้องเลือกครีมกันแดดแบบที่กันน้ำได้จะดีที่สุด แต่ไม่ว่าจะ SPF สูงขนาดไหน หรือกันน้ำหรือไม่ การปกป้องแดดด้วยการทาครีมกันแดดที่ดีที่สุดคือ ต้องทาซ้ำ เพราะเช็ดเหงื่อล้างหน้าที มันก็หลุดหมดแล้วครับ
แต่... แต่อีกละ คุณรู้หรือเปล่าว่าการทาครีมกันแดดเว่อร์เกินไป ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีอีก ( อ๊ะ...มันจะยุ่งยากเยอะแยะอะไรนักหนา) เพราะว่าการทาครีมกันแดดที่มากเกินไป ก็ทำให้ผิวเกิดการสะสมสารเคมีเหมือนกันนะครับ แล้วที่เห็นสาวๆเขาทาครีมกันแดดแทบจะอาบกันเลยนั่น เอาเข้าจริงสู้สวมแว่นกันแดด ใส่หมวก สวมเสื้อปิดแขนปิดขาไปเลย ได้ผลดีกว่าครับ ตรงนี้หนุ่มๆ หลายคนอาจบ่นพรึมว่าครูอย่าบอกเขาอย่างนั้น เดี๋ยวสาวๆ เขาไม่ใส่บิกินี่เล่นน้ำทะเล พวกผู้ชายก็อดส่องกันพอดี แต่แบบ...นี่มันข้อเท็จจริง ก็ต้องบอกกันตามตรง
อันที่จริง ท่ามกลางสาวๆ กลุ่มที่ไม่กล้าออกแดดเพราะกลัวผิวดำคล้ำ ก็จะมีสาวๆ อีกกลุ่มที่ลั้ลลาฮาเฮมากเมื่อเจอแดด กลุ่มนี้เขาต้องการผิวสีแทนสวยๆ เอนจอยกับการดำน้ำและชีวิตติดทะเลเต็มที่ ทากันแดดพอกรุบกริบแล้วก็ลงเรือไปดำน้ำเลย ซึ่งผิวแทนมันก็ดูสุขภาพดี อินเทรนด์แบบฝรั่งเขา ในขณะที่คนไทยกลัวไม่ขาว เดี๋ยวจะไม่สวย พวกสาวฝรั่งชิคๆเขาอยากจะผิวสีน้ำผึ้งกันแทบขาดใจ ใครผิวเผือกๆ ซีดๆ นี่แสดงว่าไม่เล่นกีฬา ไม่เคยเดินทางท่องเที่ยวผจญภัย เขามองว่าเป็นคนเฉื่อยชากันเลยนะครับ
การออกทะเลมาดำน้ำ นอกจากกลุ่มที่ซีเรียสเรื่องแดดเรื่องผิวแล้ว ก็จะมีอีกกลุ่มเหมือนกันที่สนุกกับการดำน้ำ การออกเรือกลางทะเล ไม่ระวังอะไรเลย กลุ่มนี้ไม่ได้ผิวแทนสวยนะครับ แต่ผิวไหม้ เบิร์นเกรียม ดำๆ แดงๆ แสบไปทั้งตัว อันนี้ก็เกินไปเหมือนกัน เป็นห่วงแทนน่ะครับ สรุปแล้ว การดีลกับแดดทะเลสำหรับนักดำน้ำ เดินสายกลางน่าจะดีที่สุด การสนุกกับกิจกรรมที่ทำเต็มที่ กับการไม่ใส่ใจตัวเองเป็นคนละเรื่องกันนะครับ
อยากทำกิจกรรมทางทะเล แต่ไม่อยากถูกแดด เหมือนเดินไปสั่งคนทำกับข้าวบอกอยากกินผัดเผ็ดไม่ใส่พริกนั่นล่ะครับ ชีวิตยากเกิ๊นนน เมื่อคิดว่าจะมาทะเล ทำใจสนุกกับลมแดดและการดำน้ำดีกว่าครับ